วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กูมัน ...ขี้เหร่!!! กูมัน ...จน!!!

กูมัน ...ขี้เหร่!!! กูมัน ...จน!!!



แหม....ไม่อยากเลยครับ ไม่อยากเลย ผมไม่อยากเกิดมามี หน้าตาขี่เหร่ ไม่เอาไหน ฐานะทางบ้านห่วยแตก และ มีรูปร่างสัดส่วนที่ต้องเรียกได้ว่า "ผิดกฎของชายไทยอย่างรุนแรง" แบบนี้เลยครับ

ว่าง่ายๆคือ ตัวผมมันเป็นอะไรที่ "สถุล" ไปหมด ทุกอณู และ มุมมอง

ไม่มีอะไรดีเลยครับ ในร่างกายผม แต่อาจจะมีอยู่แค่สิ่งเดียวที่มันพอจะดีได้บ้าง และอาจจะดีกว่าคนอื่นเขา อันนั้นคือ "จิตใจ" ของผมเองไงล่ะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า (อันนี้ล้อเล่นนะจ๊ะ)

และเนื่องด้วยเหตฉะนี้หรือไงก็มิทราบ จึงทำให้ ผู้หญิงส่วนมากที่ผ่านมาใน ชีวิต ผม ผมมักจะไม่ค่อยได้เรียกพวกเธอเหล่านั้นว่า "แฟน" เท่าไหร่หรอกครับ เพราะมันมักจะเป็นการ "แอบรักข้างเดียว" ของผมเองซะมากกว่า

เพราะผมเองเชื่อในคำกล่าวของเพื่อนผมคนหนึ่งที่ชื่อ "นาย อถรรพล นุ่นมัน" ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า

"คือ ก่อนที่มรึงจะจีบคนสวยๆน่ะ มรึงกรุณาเอากระจกส่องหน้าตัวเองดูก่อน และถ้ากระจกมันไม่แตกซะก่อน อันนี้มรึงก็สามารถจีบได้ผู้หญิงคนนั้นได้ แต่ถ้ามรึงส่องแล้ว กระจกแตกดัง "เพล้ง" ขึ้นมา อันนี้ลองคิดดูเองแล้ว่กันว่า มรึงต้องโครตขี้เหร่ขนาดหนัก เพราะขนาดกระจกยังรับหน้าตามรึงไม่ได้เลย!!!!"


ฮ่าฮ่าฮ่า

ว่าแล้วผมก็เลยลองส่องกระจกดูสิครับ..... ปรากฎว่า....... กระจกแตกครับ ฮ่าฮ่า

เพราะงั้นการที่ "ไอ้คนโครตขี้เหร่+จนโครตๆ" อย่างผมจะไปจีบใครเขา ก็กลัวว่า ฝ่ายหญิงเขาจะอายจนต้อง แทรกแผ่นดินหนี เนื่องด้วยเหตุผลที่มีควาย 2 ขา (อย่างผม) มาจีบหล่อน หรือไม่ก็ ผมอาจจะโดนเพื่อนๆล้อว่าเป็นไอ้พวกไม่ "เจียม body" เป็น ควายอยู่กลางทุ่งดีๆไม่ชอบแต่คิดจะเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมให้อายชาวบ้านเขา ก็เป็นได้

ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ผมคิดว่า มันเหมาะ และ สมควร มากกว่า หากผมเลือกที่จะแอบชอบ ผู้หญิงสักคนหนึ่งที่ผมรู้สึกดีด้วย มากกว่าการไปเสนอหน้าจีบแบบ โจ่งแจ้งเกินไป เพราะอาจจะโดน "ของเข้าตัว" เอาก็เป็นได้

ส่วนคนที่หลุดๆ หลงๆ มาคบกับผม พวกเธอโดยส่วนมากก็เป็นฝ่าย "บอกเลิก" ผมก่อนอยู่ดี ด้วยเหตุผลที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่นคือ "ผมมันสถุลไปทุกอณูและมุมมอง" (บางคนคบกับผมนานถึง 7 ปีแล้วยังเลิกกันเลย)

เนื่องด้วยเหตนี้ ผมจึงยังไม่สามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจใครได้สักคนเดียว ทั้งๆที่ มีผู้หญิงหลายคนได้มีโอกาสเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจผมแล้ว แต่ สุดท้ายมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะความกลัวใน "ความขี้เหร่บวกกับความขาดแคลนทรัพย์" ของตัวเองทำให้ผมไม่มีความมั่นใจ และสุดท้ายผมก็เล่นไม่ได้ทำอะไรเลย

เรียกได้เลยครับว่าผมเป็นไอ้พวก "แพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม" แล้วล่ะครับ

ทุกวันนี้ ผมอยากจะออกไปตะโกนถามกับฟ้าซะเหลือเกินครับว่า


"เนื้อคู่ของ กรู อยู่ที่หนาย~~~~~~!!??!!"



ครับ คนที่เป็นเหมือนอย่างที่ผมกล่าวมา คงจะเข้าใจ "หัวอกและความรู้สึก" กันเองดีนะครับว่า เวลาที่เราแอบรักใครสักคนแล้วเราไม่ได้สมปรารถนานั้น มันช่างเป็นอะไรที่ทรมารซะเหลือเกิน แต่เวลาที่เรา ไม่เริ่มคบกับใครสักคนแล้ว พอสักพัก ถูกคนๆนั้นมาบอกเลิกไป มันช่างเป็นอะไรที่ "ทรมาร" ยิ่งกว่าอีกนะครับ

เพราะคนอย่างพวกเรา เวลาได้เริ่มรัก และเริ่มคบ กับใครสักคน พวกเราจะ "จริงจังและจริงใจ" มากเป็นพิเศษ พลางคิดว่า "รักครั้งนี้แหล่ะคือรักที่ใช่"

แน่นอนหากเราต้องจบความรักครั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่าย "ขอเลิกหรือฝ่ายถูกบอกเลิก" ก็ตาม(ส่วนมากจะเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกเพราะ ขี้เหร่เรื่องมากอะไรไม่ค่อยได้ ฮ่าฮ่า) คุณต้องเจ็บมากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ตอนนี้ผมถูกแฟนทิ้งด้วยข้อกล่าวหาที่เธอบอกว่า "เธออยากได้ความอิสระ" แต่ในความเป็นจริง ควายมันยังรู้เลยครับว่าเธอมีคนใหม่ "ที่ดีและรวย" กว่าผม พร้อมที่จะให้อนาคตที่สดใสกับเธอได้มากกว่าผม

แค่เจอกันวันแรก พี่แกก็เล่นถ่ายรูป รถ"เก๋งป้ายแดง" มาโชว์ให้แฟนผมดูพร้อมกับข้อความที่บอกว่า "สวยมั๊ย รถพี่เพิ่งชื้อเงินสดออกมาใหม่ๆ?" อะไรมันจะขนาดนั้น

แหม....อย่างงี้บ่งบอกถึงคำว่า "รักจริง" เลยนะครับ ฮ่าฮ่า

เธอคบกับเขาอยู่ดีๆ สุดท้ายแฟนเก่าผมดันไปสืบมาได้ครับว่า ผู้ชายคนนั้น มีลูกมีเมีย แล้ว แถม ยังอยู่กินกันมาตั้งนานอีกแล้วต่างหาก

ฮ่าฮ่าฮ่า หากมองจากคนภายนอก หล่อน ไม่แตกต่างอะไรจากคนที่เรียกกันง่ายๆว่า "ชู้" เลยนะครับ

นอกเรื่องมานานแล้ว เข้าเรื่องต่อดีกว่า.....

ผมไม่รู้นะครับว่า วันหนึ่งผมจะรวย กลายเป็นเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน รึเปล่า แต่ที่ผมรู้ และมั่นใจ แน่นอนคือ ถ้าผมมีคู่ชีวิต ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คู่ชีวิตของผมต้องอดตายแน่นอนครับ

เพราะผม "ยากจน" มาก่อนและรู้ว่าความจนมันน่ากลัวขนาดไหน เพราะงั้นผมถึงมั่นใจว่า ในอนาคตผมต้อง "มี" ได้เช่นกัน

อาจจะไม่มากเท่ากับคนที่ร่ำรวยทรัพย์สมบัติของบิดามารดา หรอกนะครับ แต่อย่างน้อยๆผมต้องมีในระดับที่ผมคิดว่า ผมสามารถใช่ชีวิตอย่างพอเพียงได้แน่นอน

แต่สงสัยผู้หญิงคงจะชอบทางลัด เลยเล่นหาผัวรวยๆแมร่งมันซะเลย จะได้ไม่ต้องมาลำบากหาเงินให้เมื่อยที่หลัง ปล่อยให้ ผู้ชายจนๆ+ขี้เหร่ อย่างงเราต้องนั่ง "ปรับทุกข์กับเงา" ต่อไป (อันนี้ผมไม่ได้หมายถึงผู้หญิงทุกคนนะครับ มันเป็นเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นที่จะเกาะผู้ชายกิน)

ซึ่งในความเป็นจริงมันก็ไม่ผิดหรอกครับ...เพราะผู้หญิงทุกคนต้องการผู้ชายที่จะเข้ามาดูแลชีวิตของ"ตัวเองและครอบครัว" ได้อยู่แล้ว แต่ ต้องให้มันถูก"จารีตประเพณี" ด้วยสิครับ ไม่ใช่ผัวเขารวยก็ไปแย่งมา หรือเห็นผู้ชายคนใหม่รวยกว่า ก็เลยทิ้งคนเก่าทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แบบนั้น มันเป็นสิ่งที่ควรจะกระทำรึเปล่า?คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ

ที่สำคัญ คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าไอ้พวกจนและขี้เหร่มันจะไม่มีวัน "มีอันจะกิน" ขึ้นมา และที่สำคัญกว่าคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คนหล่อรวยๆ เขาจะไม่มีวันทิ้งคุณไปหาคนใหม่ ในเมื่อ เขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้อยู่แล้ว

สำหรับคนที่เจอคนดีทั้งหล่อทั้งรวย แล้วก็รักจริงนั้นก็ดีไปนะครับ ถือว่า คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากครับ แต่โดยส่วนมากที่ผมเคยพบเจอ (จากประสบการณ์โดยตรงของผมเองนะครับ) นั่นคือ คนหล่อและรวย มักจะไปมีใหม่จนฝ่ายหญิงต้องเลิก หรือไม่ฝ่ายหญิงก็ต้องทนอยู่แบบช้ำใจต่อไป (ก็ฝ่ายชายมันรวยน่าหว่า)

ส่วนมากจะเป็นแบบนี้จริงๆครับ และผมคิดว่า หลายคนคงจะคิดเช่นเดียวกันกับผม

ผมไม่รู้จะรวยขนาดไหนนะครับตอนที่ผมหมดลมหายใจในชาตินี้ แต่ถ้าเรื่องการดูแลในเรื่องต่างๆ ละก็ (พูดตรงๆคือเรื่องเงิน) ผมพร้อมที่จะทุ่มให้กับคนรักคนต่อไปของผมเต็มร้อยเหมือนเดิมครับ

แน่นอนว่า ชีวิตคู่นั้นเรื่องจะ "มีหรือไม่มี" มันต้องขึ้นอยู่กับคน 2 คน ถ้าผมให้คุณไปหมดแล้ว คุณรู้จักเก็บออม รู้จักพอเพียง มันก็ต้อง "มีเก็บ" กันอยู่แล้ว จริงมั๊ยครับ?

แต่ถ้าคุณอยากที่จะ ช็อปปิ้งกระจุยกระจาย ไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ ทุกวันไม่เว้นวันหยุกราชกาล และไม่รู้จักทำงานทำการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนชาวบ้านกล่าวหาว่าคุณเป็นคน "เกาะผัวกิน" ผู้ชายอย่างผมไม่ใช่คนที่คุณต้องการหรอกครับ

แต่ถ้าคุณต้องการใครสักคนที่ให้คุณได้ทั้ง "ความมั่นคงทางร่างกายและความมั่นคงทางจิตใจ" ผมคิดว่าผมมีและพร้อมที่จะให้คุณครับ

ถึงมั่นจะไม่มากเท่ากับคนรวยๆ แต่มันอาจจะยั่งยืนและยาวนานกว่าก็ได้?

ผมเองหากเลือกเกิดได้ผมก็อยากเกิดมาหล่อและรวยเหมือนกันนะครับ

เปล๊า...ไม่ได้หมายความว่าผมอยากเกิดมาสุขสบาย มีเงินใช้ไป10ชาติก็ไม่หมดนะครับ (จริงๆก็อยากแต่มันเลือกเกิดไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า)

แต่ผมเบื่อนะครับ กับเหตผลที่เวลาผมถูกบอกเลิก

เบื่อที่เขาหาเหตผลดีๆฟังเลิศหรูอลังการงานสร้างมาบอกเลิกกับผมโดยที่ไม่ยอมบอกเหตผลจริงๆที่เลิกกับผมว่า


เพราะกูมัน "ขี้เหร่" และ "จน" เกินไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โหวดแล้วคุณจะไม่โสด
14 กุมภาพันธ์ จำจนวันตาย
  โหวตให้หน่อยนะครับ...จุ๊บๆ